ข่าว/ความเคลื่อนไหว
แม้การถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังคน งบประมาณ ฯลฯ แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีความพยายามที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ยังคงสามารถจัดบริการสุขภาพในระดับปฐมภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนยังคงการทำงานในรูปแบบเครือข่ายอย่างไร้รอยต่อ ทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัดของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากระบบสุขภาพปฐมภูมิมีความซับซ้อนและอยู่ภายใต้ปัจจัยที่มีความหลากหลาย จึงไม่มีหน่วยงานใดที่มีทรัพยากรและความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะบริหารจัดการได้โดยลำพัง ดังนั้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันในรูปแบบเครือข่าย นอกจากจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและบุคลากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดแล้ว ยังทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันที่ส่งผลให้เกิดเป็นนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถยกระดับการบริการสุขภาพปฐมภูมิ และประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) จึงร่วมกับวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จัดการประชุมสัมมนาทางวิชาการส่งคืนข้อมูลและถ่ายทอดความรู้ให้แก่พื้นที่ “สร้างต้นแบบด้วยเครือข่าย สู่ก้าวย่างที่มั่นคงของระบบสุขภาพปฐมภูมิ” ภายใต้โครงการศึกษาวิจัยขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ การขยายผลแนวทางการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิภายใต้สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดประสบการณ์การจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิแบบบูรณาการของ อบจ. และหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใน 10 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชลบุรี มุกดาหาร สมุทรสาคร นราธิวาส พิจิตร ศรีสะเกษ ยะลา สงขลา ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นแบบในโครงการศึกษาวิจัยฯ ที่ขยายผลมาจากระยะแรก 11 จังหวัด และส่งคืนข้อมูลผลการศึกษาวิจัย ตลอดจนผลการติดตามประเมินผลที่ครอบคลุมทุกมิติ รวมทั้งผลการถอดบทเรียนกระบวนการเรียนรู้ที่ได้จากการประเมินเชิงพัฒนา (Developmental Evaluation: DE) เพื่อให้ อบจ. และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ 10 จังหวัด นำไปเป็นแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเชิงบูรณาการในระยะต่อไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ควบคู่กับการเสริมองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ไปในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ในเวทีประชุมสัมมนาฯ ได้รับเกียรติจาก นพ.โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร และนายสมพร ใช้บางยาง ประธานอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เป็นประธานในพิธีเปิด รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่มีส่วนในการขับเคลื่อนการกระจายอำนาจด้านสุขภาพของประเทศ อาทิ นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สวรส. นพ.โกเมนทร์ ทิวทอง รองผู้อำนวยการกองสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ฯลฯ และมีผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทั้งจากสังกัด อปท. และหน่วยงานด้านสาธารณสุข ร่วมสัมมนากว่า 500 คน เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2568 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
นพ.โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดการประชุมช่วงหนึ่งว่า การถ่ายโอน รพ.สต. ไปสังกัดหน่วยงานท้องถิ่น อาจเป็นเรื่องที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ในความเป็นจริง การทำงานในพื้นที่ หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย ควรมีส่วนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพประชาชน และสิ่งเดียวที่จะทำให้กระทรวงสาธารณสุขมีความมั่นใจว่ากระทรวงมหาดไทยจะดูแลสุขภาพประชาชนได้คือ การแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดูแลสุขภาพของประชาชน การมีจิตใจที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ที่จะทำให้ระบบสุขภาพปฐมภูมิเข้มแข็ง และอีกเรื่องที่สำคัญคือการเปิดใจในการทำงานร่วมกัน โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นพี่เลี้ยงที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการพัฒนาระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้เกิดการให้บริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากนั้น กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดความสำเร็จอีกเรื่องหนึ่งคือ การเสริมกำลังคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งถือเป็นกลไกของภาคประชาชน และเป็นกำลังสำคัญที่อยู่ในท้องที่ ดังนั้น อปท. จึงควรสนับสนุนให้ อสม. มีเครื่องมือ และมีกำลังใจที่จะทำหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของประชาชน ควบคู่กับกระทรวงสาธารณสุขที่ควรมีบทบาทในการเสริมความรู้ความสามารถ เพื่อให้ อสม. สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
นายสมพร ใช้บางยาง ประธานอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ย้ำว่า การเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงของทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งการถ่ายโอน รพ.สต.ฯ ที่ผ่านมา มีพัฒนาการที่ดีมาตลอด ซึ่งในเชิงนโยบาย มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องเดินหน้าต่อไป โดยมีเป้าหมายคือ การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ให้แก่ อบจ. ให้ครบทั้งหมด 100% แม้ว่าปัจจุบัน ยังมี อบจ. อีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้รับการถ่ายโอน รพ.สต. เลย ดังนั้นหน่วยงานภาคีต่างๆ จึงควรทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อนำประสบการณ์ความสำเร็จของพื้นที่ต้นแบบต่างๆ ไปประยุกต์ใช้ และเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ อบจ. ที่ยังไม่ได้รับถ่ายโอน รพ.สต. ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วงของการเสริมสร้างความเข้าใจ นับเป็นช่วงแห่งการก้าวย่างที่มีความสำคัญยิ่ง โดยมีหน่วยงานต่างๆ พร้อมสนับสนุน อาทิ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (สรพ.) ฯลฯ โดยในระยะปัจจุบันการถ่ายโอน รพ.สต. ไม่เน้นในเชิงปริมาณ แต่เน้นเรื่องเชิงคุณภาพมากกว่า โดยมี สวรส. เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนองค์ความรู้จากงานวิจัย เช่น การพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนารูปแบบหรือระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิที่ควรจะเป็น ดังนั้นเราจึงควรใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส เพื่อยกระดับระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อคำตอบสุดท้ายคือ ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า โครงการศึกษาวิจัยขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ การขยายผลแนวทางการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิภายใต้สังกัด อบจ. ถือเป็นการขยายผลต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ที่ได้ดำเนินการในพื้นที่นำร่อง 11 จังหวัด และประสบความสำเร็จในการพัฒนาต้นแบบการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิที่เหมาะสม จึงนำมาสู่การดำเนินงานในระยะที่ 2 อีก 10 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ชลบุรี มุกดาหาร สมุทรสาคร นราธิวาส พิจิตร ศรีสะเกษ ยะลา สงขลา ปทุมธานี โดยในระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อประเมินผลรูปแบบการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิของ รพ.สต. ที่ได้รับการถ่ายโอนให้แก่ อบจ. โดยใช้แนวคิดการประเมินผลเชิงพัฒนา (DE) ภายใต้แนวคิดการเผยแพร่นวัตกรรม และเพื่อประเมินรูปแบบเครือข่ายการเรียนรู้ระหว่างพื้นที่ โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ระหว่าง อบจ. และหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในการประยุกต์นวัตกรรมและแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ รวมทั้งถอดบทเรียน และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย ตลอดจนการออกแบบแผนพัฒนาเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพื้นที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิของ อบจ. ให้มีความยั่งยืน โดยการประชุมสัมมนาฯ ในวันนี้ ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ 10 จังหวัดที่ดำเนินการวิจัยในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการรวมตัวของพื้นที่ที่กำลังจะถ่ายโอน รพ.สต. ไป อบจ. โดย สวรส. และทีมวิจัยให้ความสำคัญกับการคืนข้อมูลผลวิจัย รวมทั้งการเผยแพร่ผลการวิจัยให้กับผู้เกี่ยวข้องได้นำไปใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดความรู้ แนวปฏิบัติต่างๆ รวมถึงนวัตกรรมหรือโครงการเรือธง (Flagship) ที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิอย่างเป็นระบบและมีความยั่งยืน
รศ.ดร.ธัชเฉลิม สุทธิพงษ์ประชา วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ สรุปสาระสำคัญจากงานวิจัยว่า ระบบสุขภาพปฐมภูมิในบริบทการกระจายอำนาจคือระบบนิเวศเชิงซ้อน จำเป็นต้องมีการการบูรณาการการทำงานแบบเครือข่ายทั้ง อบจ. และหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในระดับพื้นที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การถ่ายโอนไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นโอกาสของการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ และทุกเรื่องต้องระเบิดจากศักยภาพภายในของพื้นที่ ส่วนงานวิจัยและพัฒนาเข้ามาช่วยสนับสนุนให้เกิดการถ่ายโอน รพ.สต. ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และการเปิดใจเป็นการเริ่มต้นของการคิดสิ่งใหม่ๆ ทำเรื่องใหม่ๆ เช่น โครงการเรือธงของพื้นที่ต้นแบบต่างๆ ควบคู่กับการใช้กลไกคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ (กสพ.) เป็นเวทีในการบูรณาการงานร่วมกัน พร้อมมีนักวิจัยพี่เลี้ยงเป็นตัวช่วยสำคัญในการให้คำปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์ ทั้งนี้สรุปผลและข้อเสนอแนะจากการวิจัยที่พบ อาทิ ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ เป็นระบบนิเวศที่มีความซับซ้อนและมีพลวัตรสูง การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านปฐมภูมิ ควรมองให้ไกลกว่ากองสาธารณสุขของ อบจ. และควรขยายวงไปสู่ระบบนิเวศย่อยที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองคลัง เป็นต้น กระบวนการขยายผลนวัตกรรมมีความท้าทายคือ ขั้นตอนการยอมรับ ซึ่งทางลัดที่จะนำไปสู่การยอมรับคือ กระบวนการเรียนรู้ในแนวราบ หน่วยบริการแม่ข่ายต้องพร้อมเรียนรู้ไปกับลูกข่าย และภายในกระทรวงสาธารณสุขต้องเชื่อมประสานและบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ อบจ. การเรียนรู้เรื่องการเงินในระบบสุขภาพของ อบจ. โดยเฉพาะเรื่องเงิน OP/PP/FS หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ อบจ. โดยให้ความสำคัญกับความรู้ความเข้าใจของ อบจ. ขอบเขตงานปฐมภูมิต้องชัดเจน และควรจัดระบบให้มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ในการประชุมสัมมนาดังกล่าว ยังได้มีการมอบโล่รางวัลให้กับพื้นที่ต้นแบบที่มีการดำเนินงานโดดเด่นและเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างชัดเจน เพื่อเป็นกำลังใจและเสริมพลังให้กับคนทำงานและพื้นที่ที่มุ่งมั่น สานต่อ และพัฒนาการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิมาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น โดยแบ่งเป็น
1. องค์การบริหารส่วนจังหวัดดีเด่นด้านการถ่ายทอดความรู้และแนวทางการปฏิบัติที่ดีด้านการบริหารจัดการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (“อบจ. พี่เลี้ยงดีเด่น”) ให้แก่พื้นที่อื่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง
2. กลุ่มพื้นที่สุขภาพดีเด่นด้านการถ่ายทอดความรู้และแนวทางการปฏิบัติที่ดีด้านการบริหารจัดการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลให้แก่พื้นที่อื่น ได้แก่ กลุ่มพื้นที่สุขภาพ อ.กบินทร์บุรี สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี
3. องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีการขับเคลื่อนการพัฒนาการบริการสุขภาพปฐมภูมิอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลําปาง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
4. สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีการขับเคลื่อนการส่งเสริมและสนับสนุนองค์การบริหารส่วนจังหวัดและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลถ่ายโอนอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ได้แก่ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง และสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี
5. องค์การบริหารส่วนจังหวัดและสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีผลการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ขับเคลื่อนการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ ระดับ “ดีเยี่ยม” (Platinum) ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร และสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาและสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา
6. องค์การบริหารส่วนจังหวัดและสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด/หน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่มีผลการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ขับเคลื่อนการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ ระดับ “ดีมาก” (Gold Plus และ Gold) ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรและโรงพยาบาลพิจิตร (Gold Plus) องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และโรงพยาบาลกระทุ่มแบน (Gold Plus) องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลาและโรงพยาบาลยะลา (Gold Plus) องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสและโรงพยาบาลตากใบ (Gold) องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษและโรงพยาบาลศรีสะเกษ (Gold)
7. องค์การบริหารส่วนจังหวัดและสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด/หน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่มีผลการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ขับเคลื่อนการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ ระดับ “ดี” (Silver) ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี โรงพยาบาลชลบุรี และโรงพยาบาลพนัสนิคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นและโรงพยาบาลขอนแก่น
8. โครงการนวัตกรรมการขยายบริการสุขภาพเชิงรุกที่มีความโดดเด่น ได้แก่ โครงการ “รพ.สต. เคลื่อนที่ (PCU on Wheels)” โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลบางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี
9. นักวิจัยดาวรุ่งด้านการขับเคลื่อนการขยายผลแนวทางการปฏิบัติที่ดีให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลถ่ายโอน ได้แก่ พญ.นันทกา เทพาอมรเดช หัวหน้ากลุ่มภารกิจปฐมภูมิ โรงพยาบาลยะลา นพ.นารท เจนประวิทย์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร นางฐิตารีย์ เชื้อพราหมณ์ พยาบาลวิชาชีพชํานาญการพิเศษกองสาธารณสุของค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นางเพ็ญทิวา สารบุตร ผู้อํานวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลโคกเพชร อ.โคกเพชร จ.ศรีสะเกษ องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ นายอโนทัย ถวัลย์เสรีวัฒนา นักวิชาการสาธารณสุขชํานาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลสายสี่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นายสาโรจน์ คําทรัพย์ พยาบาลชํานาญการพิเศษ โรงพยาบาลกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
ทั้งนี้ในการประชุมสัมมนาฯ ได้มีการเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ “ถอดรหัสการสร้างต้นแบบด้วยเครือข่ายและการขยายผลนวัตกรรม” โดยนักวิจัยพี่เลี้ยง และนักวิจัยในพื้นที่ต้นแบบ ชลบุรี มุกดาหาร สงขลา ศรีสะเกษ สมุทรสาคร ห้องย่อยเสวนา สู่ก้าวย่างที่มั่นคงของเครือข่ายในประเด็นเครือข่ายเวชศาสตร์ครอบครัว การบูรณาการความร่วมมือระหว่าง อบจ. และ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข การบูรณาการตัวชี้วัดยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขด้วยเทคโนโลยีการจัดการและแสดงผลข้อมูล พร้อมการจัดแสดงผลงานโครงการเรือธง (Flagship) และนวัตกรรมของเครือข่าย อบจ. และหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ อาทิ นวัตกรรม รพ.สต. เคลื่อนที่ (อบจ.ปทุมธานี) Data Dashboard (อบจ.ระยอง) สมุนไพรบำบัดอาการติดบุหรี่ (อบจ.สมุทรสาคร) เป็นต้น
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้