ข่าว/ความเคลื่อนไหว
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ในประเทศไทยและทั่วโลกได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบสุขภาพมีความก้าวหน้าและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หนึ่งในปัจจัยที่ขับเคลื่อนความก้าวหน้านี้คือ “งานวิจัยคลินิก” ซึ่งเป็นพื้นฐานความรู้สำคัญของการพัฒนายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์ รวมถึงแนวทางการรักษาใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์การดูแลผู้ป่วยในโรคที่ซับซ้อนและหายาก ทั้งนี้ความเป็นไปได้ของการวิจัยคลินิก ขึ้นอยู่กับความพร้อมด้านทรัพยากรต่างๆ เช่น ความพร้อมของอุปกรณ์และสถานที่วิจัย ความพร้อมของผู้เชี่ยวชาญ/นักวิจัย และความชุกของโรคที่ต้องการศึกษา ทั้งนี้การใช้ฐานข้อมูลจากระบบบริการสุขภาพของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นกลไกสนับสนุนสำคัญให้เกิดการคัดเลือกพื้นที่และผู้เข้าร่วมการวิจัยอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตลอดจนเป็นไปตามมาตรฐานสากล
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผอ.สวรส. และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เล็งเห็นความสำคัญจึงร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่อง การพัฒนาระบบการเข้าถึงงานวิจัยคลินิก” เพื่อพัฒนาระบบการเข้าถึงยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ใหม่ ตั้งแต่ระยะที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยคลินิก (clinical trial) จนกระทั่งได้รับการขึ้นทะเบียน โดยมี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองผู้อำนวยการ สวรส. ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สวรส. และนายประเทือง เผ่าดิษฐ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2568 ณ ห้องประชุมสานใจ 1/1 ชั้น 6 อาคารสุขภาพแห่งชาติ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า การพัฒนาระบบการเข้าถึงงานวิจัยคลินิก นับเป็นจุดคานงัดสำคัญของการพัฒนารากฐานในการขับเคลื่อนระบบนิเวศงานวิจัยคลินิกของประเทศไทยให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บันทึกความเข้าใจเพื่อพัฒนาระบบการเข้าถึงยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ใหม่ๆ โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบบริการสุขภาพของประเทศ ถือเป็นกลไกสำคัญในการประมวลผล สังเคราะห์ข้อมูล และสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างมีหลักฐานรองรับ และสามารถตอบสนองต่อความจำเป็นทางด้านสาธารณสุขได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ซึ่งบทบาทของ สวรส. เน้นการสร้างบุคลากรวิจัย และพัฒนาระบบสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยคลินิก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนามาตรฐาน วิธีดำเนินงาน ลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินงานด้านจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยคลินิก ตลอดจนการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลกลาง เพื่อให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลงานวิจัยคลินิกอย่างทั่วถึง และสะดวกรวดเร็ว โดยการเก็บข้อมูลจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง และคำนึงถึงหลักการใช้งานตามความจำเป็น เหมาะสม และเป็นไปตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนสนับสนุนงานวิจัยเชิงระบบที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ยาใหม่อย่างเป็นธรรม นอกจากนี้ในแง่ของการบริหารจัดการเชิงระบบ สวรส. จะพยายามดำเนินการควบคู่ทั้งการสร้างมาตรฐานเรื่องการวิจัยคลินิกของประเทศไทย การขยายเครือข่ายศูนย์วิจัยคลินิก การพัฒนาองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เกิดความคุ้มค่าในระบบสุขภาพ และสร้างความมั่นคงทางสุขภาพในเวลาเดียวกัน
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สปสช. ในฐานะหน่วยงานที่มีฐานข้อมูลระบบบริการสุขภาพของประเทศ มีความยินดีและมีความพร้อมที่จะเชื่อมโยงฐานข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และเห็นถึงความสำคัญของงานวิจัยทางคลินิกที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาล การเข้าถึงยาจำเป็น และการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ โดยในการร่วมมือกันครั้งนี้ สปสช. มีบทบาทหลักในการสนับสนุนทรัพยากรและข้อมูลการให้บริการสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินงาน และการประเมินความเป็นไปได้ของการวิจัยทางคลินิก และสนับสนุนกิจกรรม เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสนับสนุนนักวิชาการและบุคลากรที่จะช่วยให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ที่ส่งผลต่อการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศโดยรวมต่อไป
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้