งานวิจัยมาใหม่แนะนำ
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินต้นทุนอรรถประโยชน์ ผลกระทบด้านงบประมาณ และความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการตรวจวินิจฉัยการทำงานของตับด้วยวิธี Spectrophotometry โดยการตรวจวัดระดับยา Indocyanine green (ICG) ร่วมกับการตรวจวินิจฉัยปัจจุบัน เปรียบเทียบกับการตรวจวินิจฉัยปัจจุบัน วิธีการศึกษา การประเมินต้นทุนอรรถประโยชน์ จะใช้แบบจำลองแผนภูมิต้นไม้และแบบจำลองมาร์คอฟ ในมุมมองทางสังคม ข้อมูลความน่าจะเป็นในการเปลี่ยนสถานะสุขภาพ ต้นทุน และอรรถประโยชน์ ใช้นำเข้าแบบจำลอง ได้จากการเก็บข้อมูลโรงพยาบาลร่วมกับการใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลระบบบันทึกข้อมูลและประมวลผลข้อมูลการบริการทางการแพทย์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และการทบทวนวรรณกรรมปรับลดต้นทุนและผลลัพธ์ด้วยอัตราลด ร้อยละ 3 วิเคราะห์อัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่ม และทำการวิเคราะห์ความไว การวิเคราะห์ผลกระทบด้านงบประมาณ ใช้ข้อมูลการประเมินต้นทุนอรรถประโยชน์ และการทบทวนวรรณกรรม อัตราเข้าถึงยา ICG ร้อยละ 60 ในปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในปีต่อไป ทำการวิเคราะห์ภาระงบประมาณของสถานการณ์ใหม่ (มีการใช้ยา ICG) ภาระงบประมาณของสถานการณ์ปัจจุบัน (ไม่มีการใช้ยา ICG) และภาระงบประมาณสุทธิ และการวิเคราะห์ความไวแบบทางเดียว การศึกษาความเป็นไปได้อาศัยการสัมภาษณ์เชิงลึกทีมแพทย์และพยาบาล ในประเด็นต่าง ๆ เช่น รูปแบบการให้บริการ การบริหารจัดการทรัพยากร เป็นต้น ผลการศึกษา การใช้ยา ICG เพิ่มจากการตรวจวินิจฉัยปัจจุบัน มีต้นทุนรวม ปีชีวิต และปีสุขภาวะ สูงกว่าการตรวจวินิจฉัยปัจจุบัน เท่ากับ 3,600 บาท 0.003 ปี และ 0.001 ปีสุขภาวะตามลำดับ มีอัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่ม 1,073,794 บาทต่อปีชีวิต และ 2,763,973 บาทต่อปีสุขภาวะตามลำดับ ผลการวิเคราะห์ความไว พบว่าโอกาสที่การใช้ยา ICG จะเป็นมาตรการที่คุ้มค่า ณ ระดับความเต็มใจที่จะจ่าย 160,000 บาทต่อปีสุขภาวะ มีเพียงร้อยละ 6.3 ถ้าโอกาสของการเกิดภาวะตับวายหลังผ่าตัด (post hepatectomy liver failure, PHLF) เพิ่มเป็น ร้อยละ 10.1 หรือราคายา ICG ลดลงร้อยละ 88 จะได้อัตราส่วนต้นทุนประสิทธิผลส่วนเพิ่ม เท่ากับ 160,000 บาทต่อปีสุขภาวะ ผลการวิเคราะห์ภาระงบประมาณ พบว่า ภาระงบประมาณสุทธิรวมทั้ง 5 ปี ประมาณ 40 ล้านบาท เฉลี่ย 8 ล้านบาทต่อปี โดยมีค่ายาและค่าตรวจวินิจฉัยเป็นค่าใช้จ่ายมากที่สุด หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะตับวายเกินร้อยละ 10 ภาระงบประมาณสุทธิรวม 5 ปี เท่ากับ 11.5 ล้านบาท เฉลี่ย 2.3 ล้านบาทต่อปี ผลจากการศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติพบว่าการฉีดยา ICG ทำที่แผนกผู้ป่วยนอกและไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม จำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการ ประมาณ 4-5 รายต่อวัน และมีคลินิกสัปดาห์ละ 1-2 วัน โดยผู้ป่วยสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้ายังต้องรับผิดชอบค่ายา ICG สรุปผลการศึกษา การตรวจวินิจฉัยการทำงานของตับด้วยวิธี Spectrophotometry โดยการตรวจวัดระดับยา ICG จัดเป็นมาตรการที่ยังไม่มีความคุ้มค่า แต่ควรได้รับการพิจารณาเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์เนื่องจากช่วยลดการเกิดภาวะตับวายภายหลังการผ่าตัด (post-hepatectomy liver failure, PHLF) ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา PHLF และภาระงบประมาณสุทธิเฉลี่ย 8 ล้านบาทต่อปี
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้