ชั้น 4 อาคารสุขภาพแห่งชาติ เลขที่ 88/39 ถ.ติวานนท์ 14 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
ขนาดตัวอักษร
-
+
ความตัดกันของสี
C
C
C
icon-lang-thภาษาไทย
ค้นหา
เมนู
จำนวนผู้อ่าน : 15 คน
การจัดบริการสุนัขนักบำบัดสำหรับประเทศไทย : ระยะที่หนึ่ง การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย
นักวิจัย :
วีระศักดิ์ พุทธาศรี , โอม โตอาจ , สรประเวศ กระจ่างคันถมาตร์ , นวภร จันทร์บรรจง , จารุปัฐน์ โตอาจ , นงลักษณ์ ยอดมงคล , ปรารมภ์ ศรีภวัศราคม , อังคณา เลขะกุล ,
ปีพิมพ์ :
2568
สนับสนุนโดย :
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
วันที่เผยแพร่ :
24 กันยายน 2568

วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ เพื่อรวบรวมวรรณกรรมองค์ความรู้ประสบการณ์ในกระบวนการกำหนดรูปแบบและดำเนินการนโยบายสุนัขนักบําบัด สำหรับจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและทางเลือกที่ผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง วิธีการศึกษาโดยการทบทวนวรรณกรรมแบบกำหนดขอบเขต สัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 35 คน โดยเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (purposive sampling) ประกอบด้วย ระดับผู้กำหนดนโยบาย (5 คน) ระดับการจัดการจากผู้ที่มีประสบการณ์ในการให้บริการและรับบริการสุนัขนักบําบัด (25 คน) นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง (5 คน) โดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งมีโครงสร้างและครอบคลุมประเด็นที่ปรับตามกลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายโดยการสนทนากลุ่มผู้เกี่ยวข้องกลุ่มละ 8-10 คน รวมทั้งสิ้น 61 คน ประกอบด้วยกลุ่มผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย รวม 30 คน กลุ่มวิชาชีพ/เจ้าหน้าที่/ผู้ป่วยโรงพยาบาล 21 คน และกลุ่มผู้กำหนดนโยบาย/วิชาการ 10 คน การทบทวนวรรณกรรมแบบกำหนดขอบเขตที่สืบค้นบทความวิจัยจากฐานวารสารวิชาการที่ตีพิมพ์เผยแพร่ย้อนหลัง 10 ปี ด้วยวิธีการคัดเลือกอย่างเป็นระบบ (Systematic search) พบว่านโยบาย Animal-Assisted Therapy (AAT) นั้นเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายกลุ่ม (Actors) ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงานโดยตรง เช่น องค์กรดูแลสัตว์บําบัด ผู้ดูแลสัตว์บําบัด สัตวแพทย์ ไปจนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานพยาบาล ผู้กำหนดนโยบาย นักวิจัย และผู้ป่วย/ผู้รับบริการ ซึ่งมีนโยบายในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ/นานาชาติ ระดับองค์กร/สถาบัน และระดับโครงการ ครอบคลุมระเบียบและข้อบังคับด้านสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์ (animal welfare) การคัดเลือกและการฝึกอบรมสัตว์และผู้ดูแล การควบคุมการติดเชื้อ บทบาทความรับผิดชอบ และการยินยอม รวมถึงให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง และการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม เพื่อให้การดําเนินงาน AAT มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่าผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าสุนัขบําบัดมีศักยภาพในการช่วยเหลือผู้ป่วยด้านจิตใจ โดยเฉพาะผู้มีภาวะซึมเศร้าและขาดกําลังใจ รวมถึงผู้ป่วยในสถานพยาบาลและบ้านพักคนชรา โดยมองว่าเป็นกิจกรรมบําบัดที่ช่วยลดความกังวลและคลายเครียด สถานที่ที่เหมาะสมในการเริ่มต้นคือโรงพยาบาล เนื่องจากมีความพร้อมด้านบุคลากรและสถานที่ แม้ว่าจะมีสุนัขจำนวนมากในไทย แต่ยังขาดสุนัขที่มีคุณสมบัติพร้อมสำหรับการบําบัด การกำหนดมาตรฐานและการควบคุมคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการมีผู้เชี่ยวชาญที่มีใจรักสัตว์และมีจรรยาบรรณ ต้นทุนในการดำเนินการและการฝึกอบรมสุนัขค่อนข้างสูง แต่มีความหวังในการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน การประเมินประสิทธิผลเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและพฤติกรรมของผู้ป่วย การสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การมีนโยบายรองรับ และการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจําเป็นเพื่อให้โครงการยั่งยืน นอกจากนี้ การประเมินสุขภาพจิตของผู้ป่วยก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ และการมีบุคลากรเฉพาะทาง เช่น นักจิตวิทยาและสัตวแพทย์ เป็นสิ่งที่ผู้ให้ข้อมูลให้ความสำคัญ จากข้อมูลสนทนากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง สนับสนุนทางเลือกข้อเสนอที่สำคัญมี 2 นโยบาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถานพยาบาล และสถานบําบัดดูแลต่าง ๆ ได้แก่ 1) นโยบายสุนัขกิจกรรมบําบัด/นันทนาการ (Recreational group activity) นันทนาการผ่อนคลายลดเครียดเสริม (ระหว่างรอรับบริการ) สมาธิ กระตุ้นการเคลื่อนไหว การสื่อสาร เพลิดเพลิน เป้าหมาย ผู้รอรับบริการญาติที่มุ่งสนใจสุขภาพจิต/สังคม/ใจ มีเงื่อนไข ต้องจัดเตรียมสถานที่สภาพแวดล้อม ต้องฝึกสุนัข เบื้องต้นให้อยู่กับผู้คนจำนวนมากได้ ไม่ตื่นตระหนกง่าย และ 2) นโยบายสุนัขนักบําบัดช่วยเหลือสนับสนุนในการรักษา/ดูแล (Dogassisted Therapy: DAT) เสริมการดูและรักษา (complementary therapy) ลดความเครียด/วิตกกังวล ฝึกการเคลื่อนไหว/สื่อสาร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ฝึกวินัยความรับผิดชอบ เป้าหมายเป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาลทั่วไป/สถานที่พักฟื้น ผู้สูงอายุในศูนย์ดูแล บําบัดยาเสพติด ผู้ต้องขัง โดยมีรูปแบบบริการจัดให้มีสุนัขเยี่ยมตามวอร์ดในโรงพยาบาลหรือมอบหน้าที่ร่วมรับผิดชอบดูแลสุนัข ผู้ต้องขัง พักฟื้น (เงื่อนไขสำคัญต้องจัดการสภาพแวดล้อม ทั้งสุนัขและคน) การเลือกสายพันธุ์ ต้องอบรมฝึกทักษะสุนัขตามบทบาทหน้าที่ การสร้างมาตรฐานการรักษาดูแล โดย สปสช.และที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนงบประมาณการดูแลสุนัขและกิจกรรมเสริมการรักษา และทางเลือกสนับสนุนผ่านองค์กรภาคประชาชนร่วมสนับสนุนบริการ (มาตรา 3) ทั้งนี้ 2 นโยบายข้างต้น สปสช. ที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย มีขั้นตอนการประกาศให้ DAT เป็นชุดสิทธิประโยชน์ประเภทบริการ และมีมาตรฐานบริการ การประกาศกำหนด DAT ให้องค์กรภาคประชาชน เป็นสถานบริการสาธารณสุขอื่นตาม ม.3 การเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาชนในการร่วมจัดบริการ (ต้องจัดการสภาพแวดล้อม ทั้ง dog friendly และคน) การเตรียมอบรม special trained และเตรียมการ monitoring & assessment รวมทั้ง ศึกษา effectiveness ของบริบทไทย (ใช้บางพื้นที่นําร่องเป็นงานวิจัยเชิงทดลอง) นอกจากนี้อีกหนึ่งทางเลือกนโยบาย 3 และ 4 ที่ผู้เกี่ยวข้องกล่าวถึงคือ 3) นโยบายสนับสนุนการมีสัตว์เลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน (Companion Dog) และ 4) สุนัขช่วยเหลือบุคคล (เจ้าของ) ที่มีข้อจํากัดทางแพทย์/กายภาพ (Assistance Dog) ข้อเสนอเชิงนโยบายจากการศึกษานี้ได้เสนอและนำสู่การกระบวนการตัดสินใจเชิงนโยบายตามกรอบขั้นตอนการพัฒนานโยบาย เช่น ได้นําเสนอต่อคณะทำงานสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งและบทบาทของเครือข่ายผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2568 วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 แล้ว และจะนําเสนอผลการศึกษาและข้อเสนอเชิงนโยบายนี้ในกลไกอื่น ๆ ต่อไป


ลิงก์ต้นฉบับ : https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/6339

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้