ชั้น 4 อาคารสุขภาพแห่งชาติ เลขที่ 88/39 ถ.ติวานนท์ 14 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
ขนาดตัวอักษร
-
+
ความตัดกันของสี
C
C
C
icon-lang-thภาษาไทย
ค้นหา
เมนู
จำนวนผู้อ่าน : 14 คน
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีเอชพีวีดีเอ็นเอในกลุ่มสตรีอายุ 30-60 ปี ของเขตบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธารทอง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
นักวิจัย :
อลงกรณ์ ศรีเลิศ , คล้ายเดือน ปงเมฆ , เหมือนดาว ปงเมฆ , สิริลักษณ์ ศักดิ์สิทธานุภาพ , ปุณณาสา วงศ์ชนะ , เบญจมาศ พิชัย , อภิสิทธิ์ ศรีรักษา ,
ปีพิมพ์ :
2568
สนับสนุนโดย :
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
วันที่เผยแพร่ :
26 กันยายน 2568

มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในสตรี การคัดกรองที่มีประสิทธิผลจะช่วยให้ค้นพบผู้ป่วยได้เร็วและมีอัตราการรอดชีวิตสูง อย่างไรก็ตามในหลายพื้นที่ของประเทศไทยยังมีความชุกของการเข้ารับการตรวจคัดกรองไม่มาก เช่นเดียวกับในเขตบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลธารทอง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ปี 2566 มีอัตราคัดกรองเพียงร้อยละ 11.1 ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA (human papillomavirus deoxyribonucleic acid) test ในสตรีอายุ 30-60 ปี โดยวิธีการศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง จำนวน 148 คน จำแนกเป็นผู้ที่เคยและไม่เคยตรวจคัดกรองจำนวน 70 คน และ 78 คน ตามลำดับ ปัจจัยที่ศึกษา ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการรับรู้โอกาสเสี่ยงและความรุนแรงของโรคมะเร็งปากมดลูก ปัจจัยด้านการรับรู้ประโยชน์และอุปสรรคในการเข้ารับการตรวจคัดกรอง และปัจจัยร่วม รวมถึงสิ่งชักนำในการเข้ารับการตรวจคัดกรอง เก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความตรงและความเที่ยง วิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยสถิติ multiple logistic regression ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลไม่มีตัวแปรใดที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรอง และปัจจัยรับรู้โอกาสเสี่ยงและการรับรู้ความรุนแรงเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูกไม่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรอง (adjusted odds ratio 0.92 และ 0.85 และค่า p-value 0.81 และ 0.64 ตามลำดับ) ปัจจัยการรับรู้ประโยชน์และอุปสรรคในการเข้ารับการตรวจคัดกรอง และปัจจัยร่วม รวมถึงสิ่งชักนำในการเข้ารับการตรวจคัดกรองไม่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรอง (adjusted odds ratio 0.74 และ 0.73 และค่า p-value 0.37 และ 0.57 ตามลำดับ) ความชุกของการเข้ารับการตรวจคัดกรองที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.1 ในปี 2566 เป็นร้อยละ 19.6 ในปี 2567 ยังเป็นอัตราที่ต่ำ จึงควรดำเนินการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการได้รับการตรวจคัดกรองในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีบริบทแตกต่างกันทั้งในด้านปัจจัยส่วนบุคคล เช่น การศึกษา และเศรษฐฐานะ รวมถึงปัจจัยด้านการรับรู้ ปัจจัยร่วมและสิ่งชักนำเพื่อค้นหาและยืนยันสาเหตุต่อไป


ลิงก์ต้นฉบับ : https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/6344

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้