งานวิจัยมาใหม่แนะนำ
ภูมิหลังและเหตุผล: การดูแลผู้ป่วยกรณีการให้บริการรักษาเร่งด่วน สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Stroke fast track: SFT) ได้รับการจัดสรรค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อให้ประชาชนที่มีความจำเป็นเข้าถึงบริการสุขภาพ ความครอบคลุมอย่างมีประสิทธิผลจึงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับการประเมินหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและระบบบริการสุขภาพ วัตถุประสงค์การวิจัย: 1) เพื่อศึกษาสถานการณ์การจัดบริการ 2) เพื่อศึกษาความครอบคลุมอย่างมีประสิทธิผล และ 3) เพื่อพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยกรณีการให้บริการรักษาเร่งด่วน สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน SFT ระเบียบวิธีวิจัย: วิจัยแบบผสมวิธี (Mixed methods) มองผู้ให้บริการ (Provider perspective) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสถานการณ์การจัดบริการ คัดเลือกพื้นที่แบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) โรงพยาบาลแม่ข่ายและโรงพยาบาลลูกข่ายที่พื้นที่ จังหวัดเพชรบุรี ร้อยเอ็ด กระบี่ และปัตตานี จำนวน 8 พื้นที่ ผู้ให้ข้อมูล (Informant) คือเครือข่ายการดำเนินงานการดูแลผู้ป่วยกรณีการให้บริการรักษาเร่งด่วนสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Stroke fast track) จำนวน 64 คน โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบปลายเปิดและกึ่งมีโครงสร้าง และแบบบันทึกการจัดบริการ ข้อมูลเชิงคุณภาพ วิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์เชิงพรรณนานำเสนอข้อมูลเป็นจำนวนและร้อยละ ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาความครอบคลุมอย่างมีประสิทธิผลแบบย้อนหลัง (Ex post approach) จากฐานข้อมูลโรงพยาบาลเฉพาะกรณีและจากฐานข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ปี พ.ศ. 2562 – 2566 วิเคราะห์ข้อมูล 1) ประชากรที่มีความจำเป็นต้องได้รับบริการสุขภาพ (Need) 2) ประชาชนที่ได้รับบริการสุขภาพที่จำเป็น (Use) 3) ประชาชนที่ได้รับผลดีทางสุขภาพจากบริการที่ได้รับ (Quality) 4) ผู้ที่ทราบความจำเป็นทางสุขภาพและได้ใช้บริการทางสุขภาพ (Crude coverage) และ 5) ผู้ที่ได้รับผลดีทางสุขภาพจากการใช้บริการสุขภาพ (Effective Coverage) และ ขั้นตอนที่ 3 พัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายโดยการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญ (Connoisseurship) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และมีการนำเสนอผลการวิจัยเป็นลักษณะพรรณนา (Descriptive Explanation) ผลการศึกษา: 1) โรงพยาบาลแม่ข่ายมีศักยภาพในการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในปีที่แตกต่างกัน ทรัพยากรการจัดบริการในปี พ.ศ. 2562 – 2566 มีเครื่อง CT scan และให้ยา recombinant tissue Plasminogen Activator (rtPA) เฉพาะในโรงพยาบาลแม่ข่าย ส่วนในปี พ.ศ. 2566 โรงพยาบาลลูกข่ายเริ่มมีเครื่อง CT scan และให้ยา rtPA ได้ ระบบฐานข้อมูลมีความหลากหลายในการบันทึกข้อมูล ยังมีการบันทึกลงกระดาษหรือบันทึกในฐานข้อมูลของส่วนงานที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ ฐานข้อมูลในระดับโรงพยาบาลและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พบช่องว่างในการระบุเงื่อนไขที่สำคัญเพื่อใช้ในการติดตามจัดบริการ Stroke fast track เช่น การระบุว่าเป็นกลุ่ม Stroke fast track, การระบุเวลา 4.5 ชั่วโมง และการเชื่อมโยงข้อมูลรายการยา rtPA เป็นต้น 2) การวิเคราะห์จากฐานข้อมูลโรงพยาบาลกรณีศึกษา ในปีงบประมาณ 2562-2566 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 24,191 ราย และพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เข้า stroke fast-track เป็นร้อยละ 31.96 และพบผู้ป่วยเนื้อสมองตายเพราะขาดเลือด ที่เข้า stroke fast-track เป็นสัดส่วนระหว่างร้อยละ 59.86 เมื่อติดตามการได้รับยา rtPA ในกลุ่มผู้ป่วยเนื้อสมองตายเพราะขาดเลือดพบว่าได้รับ rtPA ร้อยละ 35.91 และอัตราการรอดชีพของผู้ที่ได้รับยา rtPA ร้อยละ 91.82 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือ อุดตัน ที่ไม่ได้รับ rtPA ส่วนใหญ่มีอาการต่ำ ความจำเป็นทางสุขภาพและได้ใช้บริการทางสุขภาพ (Crude coverage) สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Stroke fasttrack) ที่ได้รับยา rtPA ในกลุ่ม Cerebrovascular disease มีค่าร้อยละ 6.87 และในกลุ่ม Cerebral infarction มีค่าระหว่าง ร้อยละ 35.91 ผู้ที่ได้รับผลดีทางสุขภาพจากการใช้บริการสุขภาพ (Effective Coverage) สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Stroke fast track) ที่ได้รับยา rtPA ในกลุ่ม Cerebrovascular disease มีค่าร้อยละ 6.31 และในกลุ่ม Cerebral infarction มีค่าร้อยละ 32.97 การวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในช่วงปีงบประมาณ 2562-2566 พบว่าผู้ป่วย Cerebrovascular disease และผู้ป่วย Cerebral infarction มีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นทุกปีเมื่อวิเคราะห์ความครอบคลุมของการดูแลรักษาที่จำเป็นคือ การได้รับยา rtPA ในผู้ป่วย Cerebral infarction พบว่า ความครอบคลุมของการได้รับยา rtPA ในช่วงปีงบประมาณ 2562-2566 เพิ่มสูงขึ้นทุกปี และเมื่อพิจารณาในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยา rtPA นั้น พบว่าได้รับผลดีทางสุขภาพ คือมีการรอดชีพ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณ 2564-2566 สำหรับผลการวิเคราะห์ Crude coverage และ Effective coverage ทั้งกรณีที่กำหนดให้ผู้ที่ทราบความจำเป็นทางสุขภาพคือผู้ป่วย Cerebrovascular diseases หรือ Cerebral infarction พบว่า Crude coverage และ Effective coverage พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีงบประมาณ 2562 – 2566 3) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อเพิ่มความครอบคลุมอย่างมีประสิทธิผล ประกอบด้วย 1). การเพิ่มความครอบคลุมการเข้าถึงบริการจากระบบบริการ เริ่มจากการเพิ่มความครอบคลุมนอกสถานบริการ โดยการเพิ่มการรณรงค์การสร้างการตระหนักรู้สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง และการรับรู้ถึงสิทธิการเข้าถึงบริการการรักษาโรคหลอดเลือดสมองให้กับประชาชนทราบ การเพิ่มความครอบคลุมในสถานบริการ โดยการ lean ระบบบริการในโรงพยาบาลเพื่อลดขั้นตอนการเข้าถึงบริการ รวมถึงการเพิ่มความครอบคลุมการยอมรับ rtPA โดยการเพิ่มการให้ข้อมูลกับญาติผู้ป่วย เริ่มตั้งแต่การนำส่งโรงพยาบาลรวมถึงการให้ข้อมูลด้านที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้มีเวลาในการตัดสินใจ 2) การเพิ่มความครอบคลุมที่เกิดการระบบรายงาน ควรมีบันทึกข้อมูลผู้ป่วยควรใช้ระบบฐานข้อมูลเดียวและมีการระบุ SFT ในฐานข้อมูลของโรงพยาบาล และปรับปรุงแนวทางกระบวนการการบันทึกข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกับระบบการ Claim ของ สปสช. ตั้งแต่แรกรับ ขณะทำการรักษา ขณะจ่ายยา และ การจัดเก็บรายได้ 3) การติดตามผลการรักษาหลังจากการได้รับ rtPA ควรมีการพัฒนารูปแบบการจัดบริการที่ทำให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดสมองที่ได้รับยา rtPA เพื่อเป็นการบูรณาการการจัดบริการในระดับพื้นที่ และเชื่อมต่อข้อมูลกับกลุ่มผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยระยะกลาง Intermediate care
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้