สาวๆ30อัพ'ระวังมะเร็งปากมดลูก'



คงไม่มีช่วงเวลาใดที่บรรยากาศแห่งความรักจะหวานและอบอุ่นเท่าเดือนแห่งความรักนี้ยิ่งหากสาวใดมีอายุย่างเข้า 30 ปี แล้วนั้นคงจะมีอารมณ์ของความหวิวๆ เข้ามาปนและอาจรู้สึกได้ว่าอายุจนป่านนี้แล้วถึงเวลาสักทีที่ฉันจะสละทุกอย่างให้กับความรัก อย่าให้ความใกล้ชิดบดบังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้หญิง เพราะนอกจากจะมีปัญหายุ่งยากแล้วมันอาจทำให้คุณสูญเสียหลายอย่างในชีวิตได้อย่างไม่คาดฝัน
"มะเร็งปากมดลูก" คร่าชีวิตผู้หญิงไทยถึง 7 คนต่อวัน และจากสถิติพบว่าหญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกเฉลี่ยปีละ 6,000 ราย ความร้ายกาจของโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่าเอชพีวี (human papillomavirus; HPV) ซึ่งสามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ แต่สิ่งที่ทำให้โรคนี้น่ากลัวที่สุดก็คือคุณจะไม่รู้ตัวเลยว่าคุณได้รับเชื้อเอชพีวี เข้าไปในบริเวณปากมดลูกเรียบร้อยแล้วเพราะในบางรายเชื้อเอชพีวี จะใช้เวลาถึง 10 ปีในการก่อตัวเป็นมะเร็ง
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ส่งผลให้คุณผู้หญิงที่ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยหรือสาวใหญ่ มีโอกาสเป็นโรค "มะเร็งปากมดลูก" ได้ ลองมาดูเช็กลิสต์นี้ดูสิคะว่าสาเหตุใดบ้างที่ทำให้คุณอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก
1.มีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย
2.มีคู่นอนหลายคนหรือมีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่นอนหลายคน
3.รับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน (ถ้านานกว่า 5 ปีจะมีความเสี่ยงสูง)
4.มีจำนวนการตั้งครรภ์และการคลอดลูกมากกว่า 4 ครั้ง
5.มีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน เริม เป็นต้น
6.สูบบุหรี่
7.ขาดการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
8.ขาดสารอาหารบางชนิดโดยฉพาะผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อย มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดพบบ่อยรวมทั้งมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าคนที่รับประทานผักและผลไม้มาก
หากคุณมีปัจจัยบางอย่างหรือหลายอย่างดังที่กล่าวมาและไม่มั่นใจว่า ณ เวลานี้ คุณมีเชื้อไวรัสที่ก่อโรคมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสร้ายชนิดนี้ วันนี้ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพมีแนวทางการดูแลตัวเองที่ทุกคนสามารถทำได้ มาฝากเป็นเกร็ดความรู้ดังต่อไปนี้ค่ะ
กลุ่มอายุ 9-26 ปี ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์สามารถป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี และเพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์ปากมดลูกเกิดความผิดปกติจนในที่สุดเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง ได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (สามารถฉีดวัคซีนได้ทุกโรงพยาบาลค่ะ)
กลุ่มอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรเริ่มการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกภายใน 3 ปีหรือเริ่มตรวจเมื่ออายุครบ 21 ปี และควรตรวจคัดกรองเป็นประจำทุกปีจนถึงอายุ 30 ปี
กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการต่อไปนี้
1.การตรวจทางเซลล์วิทยา (Pap Test) เพียงอย่างเดียวถ้าได้รับผลการตรวจคัดกรองทุกปี เป็นปกติ ติดต่อกัน 3 ปีหรือมากกว่าสามารถเว้นระยะการตรวจคัดกรอง เป็นทุกๆ 2-3 ปีได้
2.การตรวจทางเซลล์วิทยา (Pap Test) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์ผิดปกติตรวจหาไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) ถ้าผลการตรวจคัดกรองปกติทั้งสองอย่างสามารถรับการตรวจทุกๆ 3 ปีได้แต่หากพบความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
3.ลิควิ-เพร็พ เป็นเทคโนโลยีใหม่ซึ่งเป็นการปรับปรุงในการทำ PAP Smear จากวิธีการเดิมในการตรวจคัดกรองหาเซลล์มะเร็งปากมดลูก
4.การส่องกล้องตรวจความผิดปกติของปากมดลูก เรียกว่า colposcopy เมื่อมีผลตรวจแปปสเมียร์ผิดปกติ
แม้ว่าการรักษาในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า การจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น การจี้ด้วยเลเซอร์ การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีดจะสามารถรักษาให้หายขาดได้หากมะเร็งอยู่ในระยะก่อนลุกลามแต่หากเมื่อมะเร็งได้ลุกลามแล้ว คุณจำเป็นต้องตัดมดลูก หรือทำการฉายแสง หรือเคมีบำบัด ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ทราบกันดีถึงความทรมานของผลกระทบข้างเคียงอย่ามัวแต่อาย หรือกลัวเจ็บกันอยู่เลยค่ะ การระมัดระวังและรู้ทันโรคจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยรักษาชีวิตของคุณให้อยู่ยืนยาวขึ้นและมีความสุขกับคนที่คุณรักตราบนานเท่านาน
ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 หน้า 22
Attachment | Size |
---|---|
24ก.พ.57_คมชัดลึก_สาวๆ30อัพระวังมะเร็งปากมดลูก.pdf | 741.22 KB |
แสดงความคิดเห็น